Transformers 3 : อลังการงานสร้างเหมือนเดิม
ซึ่งขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้น ประธานาธิบดี จอร์น เอฟ เคนเนดี้ ได้ประกาศกับคนทั่วโลกว่า อเมริกาจะส่งคนไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ก่อนประเทศอื่นในโลกนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วภารกิจในการส่งยานอวกาศ Apollo 11 ของนาซ่าไปที่ดวงจันทร์ในปี 1969 คือการเดินทางไปตรวจสอบยานอวกาศที่ตกลงบนดวงจันทร์นั้นเอง ปัจจุบัน แซม วิทวิคกี้ (ไชอา ลาบัฟ) ได้เติมโตเป็นผู้ใหญ่ และใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนกับคนทั่วไปที่ต้องหางานทำ โดยเขาได้เลิกลากับมิคาเอล่าอดีตแฟนเก่าของเขา และเขาได้พบกับผู้หญิงคนใหม่ที่พยายามให้แซมใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปแทนที่จะไปยุ่งกับพวกภารกิจของพวกออโต้บ็อทส์เหมือนที่ผ่านๆ มา แต่สำหรับพวกออโต้บ็อทส์ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่า ยานอวกาศจากไซเบอร์ทรอนที่ตกอยู่บนดวงจันทร์เริ่มที่จะไม่ปลอดภัยแล้ว หุ่นยนตร์ฝ่ายดีอย่างพวกออโต้บ็อทส์จึงต้องแข่งกับพวกหุ่นยนตร์ฝ่ายร้าย อย่างพวกดีเซ็ปติคอนส์ เพื่อหา อาร์ก ให้เจอก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป… สำหรับในภาคนี้นอกจากหุ่นตัวใหม่ๆ ที่ถูกออกแบบให้เราดูอย่างตื่นตาตื่นใจอีกหลายๆ ตัวแล้ว กับฉากต่อสู้กันระหว่างหุ่นออโต้บ็อทส์และดีเซ็ปติคอนส์ใน 30 นาทีสุดท้ายของเรื่อง
เรียกว่าตาห้ามกระพริบเด็ดขาด เป็นการทำลายล้างที่ไม่อาจจะเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือได้ เรียกว่าต้องไปนั่งดูเอาเอง แล้วจะเห็นว่า ฉายาของ ไมเคิล เบย์ “จอมระเบิดภูเขาเผากระท่อมแห่งฮอลลีวู้ด” เป็นเรื่องจริง ผมว่ามันเป็นไปตามธรรมชาติของหนังที่มีถึง 3 ภาค เพราะฉะนั้นผู้กำกับจะต้องหาอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้แฟนๆของเขาได้ดูได้ชมกัน ส่วนเรื่องแบบถล่มเมืองอย่างนี้ก็เป็นทางถนัดของไมเคิล เบย์ อยู่แล้ว งานนี้เลยออกมาเป็นว่า ภาพแห่งการทำลายล้างที่ดูแล้วโหดเหี้ยมที่สุด ดูแล้วแทบไม่หายใจ ดูแล้วคอยลุ้นอยู่ตลอดเวลาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดอยู่ตรงหน้า ดูแล้วห้ามกระพริบตา เพราะว่า ถ้ากระพริบตาในช่วง 30 นาทีสุดท้ายนี้แล้ว เราอาจจะพลาดตอนสำคัญๆ ไปก็ได้ เอาเป็นว่า ไม่เคยมีภาพยนตร์หุ่นยนตร์เรื่องไหน ที่มีฉากทำลายล้างบ้านเมืองได้อย่างมโหฬารเหมือนภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกว่าดูแค่นี้ก็คุ้มกับค่าตั๋วที่เสียไปแล้ว ยิ่งถ้าใครได้ดูในระบบ 3D ด้วยแล้ว จะเห็นภาพตึกถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเราเลย หัวใจแทบวาย
- THE JUNGLE BOOK: เมาคลี ลูกหมาป่า
-
Netflix Bird Box มองอย่าให้เห็น – หนังโลกล่มสลายสะท้อนความกลัวของมนุษย์แม่
ในส่วนของดารานำแสดงอย่าง ไชอา ลาบัฟ (Shia LaBeouf) ที่รับบทเป็น แซม วิทวิคกี้ ตั้งแต่ภาค 1 แล้ว มาภาคนี้รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็สมกับบทที่ได้ แถมในภาคนี้เขาจะได้อาวุธจากชาวออโต้บ็อทส์ เพื่อเอาไว้สู้กับพวกดีเซ็ปติคอนส์ อีกด้วยแทนที่จะวิ่งหนีอย่างเดียวเหมือนกับสองภาคที่ผ่านมา แต่ถึงอยางไง ภาคนี้เขาก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนสองภาคที่ผ่านมา แต่อาจจะเป็นไปได้ว่า พระเจ้าได้สร้างไชอา ลาบัฟ มาเพื่อเล่นบทล้มลุกคลุกคลานแบบนี้โดยเฉพาะก็เป็นได้ ในด้านนางเอก เปลียนจาก เมแกน ฟ็อกซ์ (Megan Fox) มาเป็น โรซี่ ฮันติงตัน-ไวท์ลี่ย์ (Rosie Hintington-Whiteley) จากแหล่งข่าวแจ้งมาว่า ฟ็อกซ์ มีปัญหากับเบย์จนไม่สามารถมาเล่นในภาคที่ 3 นี้ได้จึงทำให้เราอดเห็นภาพเซ็กซี่ของเธออีกแล้ว
ในขณะเดียวกันเราก็ได้ โรซี มาแทน …โรซี่ ฮันติงตัน-ไวท์ลี่ย์ เธอเป็นหนึ่งในนางแบบชุดชั้นในสตรี Victoria’s Secret เธอเป็นชาวอังกฤษ ด้วยเหตุที่เธอไม่เคยเล่นภาพยนตร์มาก่อน อาจดูเธอเล่นแข็งไปสักหน่อย แต่ด้วยหน้าตาที่สวยและเซ็กซี่ไม่แพ้ เมแกน ฟ็อกซ์ ก็อาจทำให้เราลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตรงนั้นไปได้ ในส่วนของหุ่นยนต์ฝ่ายดีอย่างพวก ออโต้บ็อทส์ ตัวที่เราติดหูติดตากันดีอยู่แล้วอย่าง บับเบิ้ลบี หุ่นคู่หูพระเอกที่สามารถแปลงเป็นรถเชพโรเลต คาเมโร รุ่น 5 สีเหลือง มาในภาคนี้ บับเบิ้ลบี จะถูกแปลสภาพในเฉดสีใหม่ และโมดิฟายให้แลดูภูมิฐานเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หุ่นพระเอกอีกตัวอย่าง เซนติเนล ไพรม์ หุ่นยักษ์ตัวสีแดงที่เป็นหุ่นเด่นที่สุดในภาค 3 ที่สามารถแปลงร่างเป็นรถดับเพลิง Rosenbauer ได้ มาร่วมต่อสู้ด้วย สำหรับหุ่น เซนติเนล ไพรม์ และ ออพติมัส ไพรม์ มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น จนแทบจะเรียกว่าเป็นหุ่นพ่อลูกกันก็ว่าได้ ในเรื่องเราจะเห็นหุ่นยนต์ทั้งสองตัวนี้ หมุนตัวฟาดฟันศัตรูอย่างมันส์เลยทีเดียว นอกนั้นตัวอื่นๆก็ยังคงมาครบทีม
สำหรับในหุ่นฝ่ายร้ายจะขาดเสียไม่ได้เลยก็คือเจ้าหุ่นเมกาตรอน ไม่อยากบอกเลยว่า ในภาคนี้เมกาตรอนมีลูกเล่นที่เราไม่คาดฝันมาฝาก พร้อมกับสมุนตัวใหม่ๆ อีกเพรียบ เป็นต้นว่าหุ่น “ช็อคเวฟ” ติดอาวุธปืนกลอยู่ที่มือ ซึ่งเป็นตัวร้ายหลักของภาคนี้เลยก็ว่าได้ มันถูกจองจำอยู่ใต้โรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ รู้แค่นี้แล้วก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่ามันจะร้ายขนาดไหน ผมบอกมากไม่ได้เดี๋ยวจะไปดูแล้วไม่สนุก ส่วนหุ่นตัวใหม่อื่นๆ อย่างเช่น สตาร์ครีม (แปลงร่างเป็นเครื่องบินรบ F22 แร็ปเตอร์), ซาวนด์เวฟ (แปลงเป็นรถเมอร์ซิเดส-เบนช์ รุ่น SLM AMG สีเงิน), เลเซอร์บีค (แปลงร่างเป็นเครื่องบินที่มีใบพัดแบบเฮลิคอปเตอร์) และกลุ่มรถโคลน เดอะเดร็ดส์ ที่ประกอบไปด้วย แครงค์เฮดม, โครว์บาร์ และ แฮทเชท (สามารถแปลงร่างเป็นรถฉุกเฉินยี่ห้อ เชพโรเลต รุ่น Suburban) ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหุ่นตัวใหม่ๆ แสบๆ ทั้งนั้น งานนี้ใครที่เคยดูมาแล้วทั้งสองภาค คงทิ้งภาคนี้ไม่ลงแน่ งานดูยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างนี้ ไมเคิล เบย์ ถนัดนัก แต่ถ้าใครไม่เคยดูสองภาคมาก่อนก็สามารถดูภาค 3 นี้ได้เลยไม่มีอะไรงง ผมเคยสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมพวกนายทุนจึงยอมลงทุนให้ ไมเคิล เบย์ ชนิดที่ว่า “ขอมาเท่าไหร่ได้หมด” พอดูผลงานเก่าๆ ที่ผ่านมาแล้วก็คงเข้าใจแล้วว่า งานทุกชิ้นของ ไมเคิล เบย์ เรียกว่า “ไม่มีวันขาดทุน” ได้เลย รู้อย่างนี้แล้วเราจะไม่ดูได้ไงล่ะ