หลวงตามหาเฮง: หนังพุธที่แท้ทรู
หลวงตามหาเฮง หนังเล่าเรื่องของหมู่บ้านโคกอีรวย ที่ชาวบ้านชาวช่องนิยมเล่นหวยใต้ดินบนดินกันทุกหัวระแหง โดยมี 2 คุณนายเพื่อนซี้ (สุนารี ราชสีมา และอาภาพร นครสวรรค์) เป็นเจ้ามือรับแทงหวยใต้ดินรายใหญ่ที่สุด ในขณะที่ลูกศิษย์วัดของหลวงตาทั้ง 3 นาย (คุณาธิป ปิ่นประดับ, ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์, กิตติพัฒน์ สมานตระกูลชัย) ก็ถือเป็นแผนกขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลที่สำคัญของหมู่บ้าน โดยเรื่องเริ่มมีปัญหาเมื่อชาวบ้านต่างไปทำบุญเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชาฟังเทศน์ฟังธรรมตามปกติ แล้วไปตีคำสอนของหลวงตาอันเป็นที่เคารพรักของชุมชน (ค่อม ชวนชื่น)
หลวงตามหาเฮง กลายมาเป็นเลข 3 ตัว แล้วถูกหวยกันถ้วนทั่ว รอบแรกยังพอทนแต่ชักรอบสองรอบสาม เจ้ามือหวยอย่าง 2 เจ๊ชักอดรนทนไม่ได้ต้องจ้างนักเลงหัวไม้ (โรเบิร์ต สายควัน, บอล เชิญยิ้ม) ไปจัดการทั้งลักพาตัวหลวงตาไปซ่อนให้พ้นวันหวยออก และถึงขนาดหาทางใส่ร้ายให้หลวงตาอยู่หมู่บ้านโคกอีรวยไม่ได้อีกต่อไป ร้อนถึงเหล่าลูกศิษย์วัดทั้งสามที่ต่างมีปมปัญหาชีวิตต่างกันต้องร่วมมือกับลูกชายสายรักดีของทั้ง 2 คุณนาย (ฐกฤต ตวันพงค์, ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) ในการกอบกู้ชื่อเสียงของหลวงตากลับมาอีกครั้ง
หนัง หลวงตามหาเฮง ดูจะเทให้ปมเรื่องความรักหลงในโชคลาภอย่างงมงายของชาวไทยเป็นประเด็นหลัก โดยใช้การดำเนินเรื่องแบบมีโครงเรื่องหลักตามที่เล่าด้านบน และซับพล็อตตามแต่นึกออก ถ้ารู้สึกว่าน่าจะตลกก็ยัดลงมาก่อน แล้วให้นักแสดงช่วยกันเล่นไปให้มันตลกขึ้นมาเอง สำเร็จบ้างไม่สำเร็จมากก็ว่าไป จุดเด่นสำคัญของหนัง นอกจากการสอนเรื่องธรรมะของหลวงตาที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำสอนเดียวรีสเตจเอาเป็นร้อยรอบตลอดเรื่องที่ว่า คนเราใช้ชีวิตอยู่แค่ 3 วัน คือเมื่อวาน วันนี้ แล้วก็พรุ่งนี้ ก็คงเป็นการดึงดารามากหน้าหลายตามาทั้งเล่นหลักเล่นเสริม เล่นรับเชิญมากมาย
หลวงตามหาเฮง โดยเฉพาะที่ดังขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตมีคนติดตามเยอะ ๆ ซึ่งก็เป็นกลยุทธตามแบบฉบับของเจ้าของค่ายหนังมูฟวี่ฮีโร่อย่าง พชร์ อานนท์ ที่ช่วยให้หนังมีกระแสได้มานักต่อนักแล้ว (เสียดายว่าหนังไม่ได้ล้อเรื่อง กัญชาที่กำลังดัง เพราะพี่พชร์เพิ่งถูกหามเข้าโรงพยาบาลหลังทดลองหยดย้ำมันกัญชาจนเกือบตายเมื่อปลายเดือนก่อน)
นอกจากเรื่อง หลวงตามหาเฮง นักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตามากมาย ก็ยังมีองค์ประกอบร่วมสมัยสอดแทรกอยู่มากมายทั้งเรื่อง ความนิยมชมชอบต่อทหารตำรวจเป็นพิเศษ เรื่องของอันธพาลที่บุกตีกันในโรงพยาบาล เรื่องยาเสพติดที่เข้าคุกคามเยาวชนที่อยากลองอย่างง่ายดาย เรื่องความเชื่อในพญานาคที่ฮิตมากในยุคหวยครองเมือง หรือเรื่องของความหลากหลายทั้งเรื่องเพศ (เพศที่สาม) เรื่องวัย (เด็กหนุ่มกับสาวแก่) คนพิการ (ขาขาด) เด็กถูกทิ้ง เมียฝรั่ง และประเด็นในสังคมเรื่องอื่น ๆ ก็ถูกนำเสนออยู่โดยตลอด นับว่าอินเทรนด์เกาะทั้งกระแสไทย กระแสโลกทีเดียว
มาถึงจุดที่ชื่นชอบมากของหนังคงเป็นการนำจิตวิญญาณแบบพุทธมาถ่ายทอดได้อย่างลงแก่นของการนำเสนอ หนังเรื่องนี้ราบเรียบ ไปเรื่อย ๆ ตลกก็ไม่ขำ ดราม่าก็ไม่เศร้า เส้นอารมณ์เราจะนิ่งดั่งผืนน้ำที่สงบไร้ลมหรือสิ่งใดมาระคาย ดั่งได้ชมกระแสจิตของผู้นั่งสมาธิญาณขั้นสูงก็ไม่ปาน
หลวงตามหาเฮง ในขณะที่ธรรมะก็มีเพียงคำสอน 1-2 คำสอน ก็มากเพียงพอ เยอะไปจำไม่ได้ก็เท่านั้น น้อย ๆ แต่เน้น ๆ ย่อมดีกว่า ไม่ว่าจะคำพูดติดปากของหลวงตาที่บอกไปด้านบน หรือเรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำสิ่งใดไว้ก็ย่อมรับผลในสิ่งนั้น นอกจากนี้หนังมีจุดหักมุมที่ทำให้ระลึกว่าสิ่งใด ๆ ก็ล้วนไม่แน่นอน อย่าดำรงตนในความไม่ประมาทอย่างการวิ่งผ่านถนนแบบไม่สนใจว่ารถวิ่งไปมาราว Fast and Furious 9 และผู้สร้างก็ไม่ให้เราต้องดิ่งดราม่ายาวนาน
ก็จะหักมุมกู้อารมณ์กลับมาปกติอีกหลายคราเพื่อบอกว่า มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง ไม่ควรดีใจ เสียใจ ปล่อยอารมณ์ไหลไปตามสิ่งที่เข้ามายั่วยุจนเกินไป สิ่งใดที่จะเกิดมันก็เกิดของมันเช่นนั้นเอง เช่นเดียวกับบทสรุปทั้งหลายทั้งพล็อตหลักพล็อตรองของหนังที่ไม่ต้องไปคำนึงถึงเหตุผลมากนัก เพราะโลกคือความไม่แน่นอน อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันเกิดไป หนังจบ เดินเข้าห้องน้ำ กลับบ้าน อาบน้ำ ทานข้าว เข้านอน ตื่นมาก็ใช้ชีวิตกันต่อไป
หนัง หลวงตามหาเฮง มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เช่นว่าพระพทุธเจ้าสอนไม่ให้พูดจาเลอะเทอะเลื่อนลอยหาประโยชน์ไม่ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยเน้นเรื่องนี้ หลวงตาก็ปากว่าไม่สนับสนุนความงมงายแต่ก็สนับสนุนลูกศิษย์ลูกหาขายล็อตเตอรี่ เห็นแกล้งตาบอดขายของก็ไม่ได้ดุด่าอะไรสนับสนุนให้หลอกชาวบ้านต่อไปอีก แถมหลวงตาเองโกหกก็บ่อยทั้งว่าไม่รู้ว่าหวย 30 ล้านหายไปไหนทั้งที่รู้มาตลอด หรือเรื่องหลวงตาชอบล่มเรือแกล้งลูกศิษย์ขาด้วนแกล้งลูกหมาวัดให้จมน้ำเล่นก็บ่อย ดูหลาย ๆ อย่างจริง ๆ ก็ไม่ได้น่านับถืออะไรเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเมื่อเทียบกับพระปลอมทั้งหลายในข่าวเมืองไทยที่ทำเดรัจฉานกับศาสนามากกว่านี้เสียอีก